วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

Overlord

Overlord [1] The undead king
โอเวอร์ลอร์ด [1] ราชันย์อมตะ



Original by : Kugane Maruyama
Illustrator by : so-bin
Edited by Kadokawa corporation enterbrain
แปลไทยโดย เจษฎา เกรียงเม็งโคตร
จัดทำรูปเล่มในไทยโดย DEXpress
จำนวนหน้า 368 หน้า (เล่มใหญ่)
ราคาหน้าปก 299 บาท
ปัจจุบันญี่ปุ่นออกถึงเล่ม 9 เล่ม ยังไม่จบ
ปัจจุบันแปลไทยออก 1 เล่ม

เรื่องนี้ถือเป็นอีกเรื่องที่ผมรออ่านแบบใจจดใจจ่อและวันอาทิตย์ในงานไลท์โนเวลเฟสต้าตอนแรกนึกว่าจะไม่ทันได้ซื้ออ่านซะงั้น ผมก็เลยคว้ามาด้วยความลังเล เพราะว่าเงินในกระเป๋าที่มันแทบจะเรียกได้ว่า แย่แล้ว!!! เพราะฉะนั้นผมเลยต้องรีบอ่านให้คุ้มเสียหน่อยครับ
เรื่องรูปเล่มผมขอข้ามนะครับ แบบว่าเมื่อเช้านี้กล่าวถึงไปแล้วครับ เปิดมาที่ตัวพล็อตและเนื้อเรื่องเลยครับ ถ้าใครดูอนิเมะมาแล้วผมคงไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความนักครับ เพราะถ้าให้พูดถึงเรื่องนี้หลายคนคงรู้จักกันดี เพราะกนะแสความดังและการโปรโมต ที่สำคัญเรื่องนี้เองก็มีพล็อตที่มีความสดใหม่ในรูปแบบซ้ำๆ ถ้ากล่าวแบบนี้คงจะสับสนสินะครับ เอาเป็นว่าผมหมายถึงเป็นแนวข้ามมิติแต่ในรูปแบบที่เล่นเกมอยู่ดีๆก็หลงไปต่างโลก ทำให้ตอนแรกหลายคนสับสนว่าเป็นแนวคล้าย SAO ผมตอบได้ชัดเลยว่าไม่คล้ายนะครับ ย้ำอีกครั้งคือเรื่องนี้เป็นแนวข้ามมิติคล้ายๆแบบเดทมาร์ช กล่าวคือระบบยังคล้ายเกมบางส่วนแต่ไม่ได้ติดในเกม กล่าวคือตายแล้วตายเลยแต่ใช้ไอเทมชุบได้ พูดไปพูดมาผมชักจะงงเองแล้วครับ

แต่ที่บอกว่ามีความสดใหม่ตรงเรื่องการผสมผสานที่พระเอกข้ามมิติไปในฐานะจอมมาร ไม่ใช่ผู้กล้าแอ๊บชัวร์ แต่เป็นรูปแบบจอมมารโครงกระดูกที่ฆ่าจริง โหดจริง เจ้าเล่ห์จริง เพื่อเป้าหมายแล้วสามารถมองคนตายได้หน้าตาเฉยครับ รูปแบบตัวละครก็เป็นอมนุษย์เต็มตัวด้วย เอาจริงๆตอนแรกเห็นหน้าพระเอกผมเองยังหวั่นๆว่าจะนั่งดูไหมเลยครับ ส่วนคาแรคเตอร์เสริมอื่นๆก็โหดใช่ย่อยครับ แบบว่าเห็นมนุษย์เป็นมดปลวกเลยทีเดียว ที่ทำดีด้วยเพราะผลประโยชน์ล้วนๆและคำสั่งของพระเอกที่ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลือนิดหน่อยครับ

อีกเรื่องที่สำคัญคือทั้งที่เป็นแนวข้ามมิติแบบอัญเชิญ (ผมเรียกแบบนี้ก่อนก็แล้วกันครับตามที่ผมไปฟังจากคุณกวินมา ผมจำไม่ได้ว่าเขาเรียกว่าอะไรครับ) แต่ตัวเอกเลือกที่จะเก็บข้อมูลเพื่ออยู่รอดมากกว่าจะหาทางกลับ อาจเป็นเพราะพื้นหลังที่ผู้แต่งใส่ให้พระเอกและที่สำคัญพระเอกไม่ใช่วัยรุ่นแต่เป็นคนทำงานด้วย

ส่วนตัวละครอื่นอัลเบโด้หรือเหล่าผู้พิทักษ์ก็จะเป็นการกระจายบทตามสมควรในรูปแบบเรื่องเล่าของมุมมองบุคคลที่สามโดยมีพระเอกเป็นหลัก แต่บางครั้งก็มีมุมมองอื่นๆนอกเหนือจากพระเอกเข้าแทรกด้วยครับ บทแปลถ้าไม่พูดถึงเลยก็ไม่ได้คุณเจษแปลได้สมกับเป็นรูปแบบที่แปลห้องเช่าป่วนมาเลยทีเดียว อ่านไปได้เรื่อยๆแบบไหลลื่นและอินไปบทบาทสมมติที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นโดยผู้แต่เรื่องนี้ได้ คำผิดไม่เห็น แปลผิดไหมไม่รู้ครับ!!! แต่อ่านแล้วใช้ได้เลยครับ

สรุปใครที่เคยดูเมะแล้วชอบผมว่าถึงแม้เรื่องระหว่างเมะกับนิยายจะไม่ต่างกันใาก แต่ตัวนิยายเองก็สอดแทรกบางอย่างที่ไม่ได้บอกในเมะไว้เช่นชื่อจริงของโมมอนกะหรือเผ่าพันธุ์ของอัลเบโด้ที่ถูกสร้างขึ้น ตรงนี้จะชัดเลยว่าทำไมคาแรคเตอร์เซตติ้งตอนแรกถึงถูกออกแบบมาแบบนี้

แต่หากใครยังไม่ได้ดูเมะผมขอบอกเลยว่าเรื่องนี้เป็นแนวข้ามมิติมีรูปแบบคล้ายเกม แต่ไม่คล้ายเสียหมด ตัวดำเนินเรื่องอยู่ในร่างที่ไม่ใช่คน จะเรียกว่าจอมมารก็ยังได้ มีความเหี้ยมโหดในระดับหนึ่งเพราะเหตุผลจากรูปแบบตัวตนและรูปลักษณ์ของพระเอกเอง ที่สำคัญเก่งโคตรๆ ตัวละครสาวๆเองก็พอมีการแบ่งบาลานซ์ได้ดีกับชายและออกแนวฮาเรมนิดๆ แต่กระนั้นสาวๆแต่ละครนั้น... ไม่สปอยครับ แต่ก็พูดถึงไปแล้วนี่หว่า เอาเป็นว่าใครอยากสรรหาความแปลกใหม่นิดๆจากแนวที่ว่าคว้าเล่มละสามร้อยเรื่องนี้ได้เลยครับ แพงฟุ้ย!! แต่หากใครสรรหาพระเอกรูปหล่อ ต้องตกระกำกว่าจะเก่งหรือดราม่าโหดๆแบบโหดสัส เรื่องนี้ไม่ได้ใส่แนวที่ว่าไว้เลย เพราะฉะนั้นข้ามไปเถอะครับ แต่ว่าผมอ่านต่อแน่นอนครับ

ปล. แบบว่าพอรูปเล่มดีแบบนี้ตอนนี้กลัวยับเอามากๆเลยครับ อ๋อและก็เป็นแนวข้ามมิติมาในแนวยุโรปยุคกลางที่ใช้เวทมนตร์ได้ มีอัศวินมียศและราชาปกครองครับ

รูปเล่มหนึ่งครับ



‪#‎dexpress‬ ‪#‎ไลท์โนเวล‬

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น